รายละเอียดประกาศ

ผู้ที่มีศีลต้องประกอบด้วยทิฏฐิ 2 คือ
1. สัมมาทิฏฐิ (เห็นความสามัญของธรรมชาติสิ่งที่ถูกเห็น)
2. สัมมาสังกัป (คิดโดยความสามัญของธรรมชาติสิ่งที่ถูกเห็น)
มีคุณสมบัติองค์รวม คือศีลในธรรมวินัยของพุทธศาสตร์ที่พระพุทธองค์ได้บัญญัติและแสดงไว้ดีแล้ว ศีลเป็นปัจยาการให้ปรากฏสมาธิ นี้คือศีล
อย่ามิจฉาทิฏฐิไปเอาสิขาบท 5-8-10-227 มาระวังไม่ล่วงข้อห้ามได้แล้วจะเป็นผู้มีศีลเป็นได้เพียงเป็นผู้ไม่ล่วงข้อห้ามเท่านั้นหาใช่ผู้มีศีลไม่ สิกขาบทเอาไว้ใช้สำหรับบุคลที่ปฏิบัติผิดต่อกติกาขององค์กรนั้น ผู้ที่ไม่ปฏิบัติผิดในข้อห้ามขององค์กรนั้นไม่ต้องรับข้อห้ามนั้นมาระวัง คำกล่าวในการรับสิกขาบทยังมีคำว่า มิ หรือ มะ อยู่เลย มิ คือผิดอยู่จะต้องเอาไประวัง มะ ไม่ได้ทำผิดในกติกานั้นอยู่แล้ว ไม่ต้องรับเอาไป จงมาทำความเข้าใจศีลให้จงดี มัวมารักษาสิกขาบทอยู่ เลยไม่มีโอกาสมีศีล จงมาใช้ความปกติมาสิกขาสิ่งที่เกี่ยวคล้องให้เห็นความสามัญของธรรมชาตินั้นก็จะคิดโดยความสามัญได้ นี้คือเห็นแล้วคิด นี้คือศีลมีปัจยาการให้ปรากฏสมาธิ สมาธิมีปัจยาการให้ปรากฏปัญญา ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นเครื่องมือหรือคุณสมบัติ ที่จะปฏิบัติหน้าที่โดยวิถีทางอริยสัจโดยปราศจากปัญหาสงบสันติ ท่านทั้งหลายเอาไปศึกษาพิสูตรก็จะถึงฝั่งแห่งเวธทันที ผู้ที่มีศีลปราศจากมิจฉาทิฏฐิ
ต่อไปจะว่าด้วยสมาธิ คือ